ลองหลับตาแล้วจินตนาการภาพถึงกล้วยที่สมบูรณ์แบบหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร? บางครั้งคุณอาจนึกถึงกล้วที่นุ่มและหวานที่มีจุดสีน้ำตาลเล็กๆ หรือคุณอาจจินตนาการถึงกล้วที่มีเปลือกสีเขียวอ่อน

เห็นได้ชัดเจนว่ารสชาติ เนื้อสัมผัส และสีของก้วจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อสุก ด้วยเหตุนี้ทุกคนตึงมีความคิดว่ากล้วยที่สมบูรณ์แบบจริงๆคืออะไร แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณค่าทางโภชนาการของกล้วยก็เปลี่ยนไปตามความสุกด้วย?

วิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจว่าสุขภาพของกล้วยสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร โดยการดูลักษณะของกล้วยที่เปลี่ยนไปตามระยะเวลา

กระบวนการสุกของกล้วยนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมล็ดเล็กๆในผลกล้วยจะปล่อยส่วนผสมของก๊าซเอทิลีนและคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่งทำให้ผลกล้วยเปลี่ยนเป็นสีดำ กล้วยสุก (สีเหลืองมีคราบน้ำตาล) สามารถรับประทานได้ทันที  ส่วนผลกล้วยสีเขียวอมเหลืองเก็บไว้รับประทานในภายหลัง

วันนี้ ยูสซี่จะช่วยให้คุณคงความสดของกล้วยได้นานขึ้นโดยบอกวิธีการเก็บที่ถูกต้อง

สีเขียว: เป็นช่วงแรกๆที่แสดงให้เห็นว่าผลกล้วยยังไม่สุก มีเนื้อสัมผัสแน่นและไม่มีกลิ่น เปลือกจะติดกับเนื้อกล้วยและรสชาติของกล้วยจะไม่ค่อยหวาน กล้วยในช่วงนี้สื่อถึงความอ่อนเยาว์ มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยแป้งที่เรียกว่า “Resistant Starch คือ แป้งที่ทนทานต่อการย่อย” สารอาหารนี้ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานหนักขึ้นเล็กน้อย แป้งในกล้วยสีเขียวทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าหรืออ้วนขึ้นได้ ปริมาณแป้งในกล้วยสีเขียวมีส่วนทำให้เนื้อสัมผัสเหนียวไม่นุ่มเท่ากล้วยที่สุก ซึ่งเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารเนื่องจากสามารถทนความร้อนได้ดี หากคุณกำลังมองหากล้วยที่มีค่าดัชนีน้ำตาลที่ต่ำ ให้เลือกกล้วยสีเขียวเนื่องจากร่างกายของคุณจะเปลี่ยนแป้งเหล่านี้ให้กลายเป็นกลูโคส และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างช้าๆ กล้วยสีเขียวอาจมีรสที่ขมกว่าเพราะมีน้ำตาลน้อยกว่าในทุกคำที่คุณกัด

สีเขียวแกมเหลือง: กล้วยที่ยังไม่สุกหรือสุกเล็กน้อยเนื้อจะแน่น มีกลิ่นคล้ายยาง รสชาติกึ่งหวาน มีรสฝาดเล็กน้อย

สีเหลือง: กล้วยสีเหลืองแป้งจะลดลงมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กล้วยนุ่มและหวานขึ้น หลายคนคิดว่าระยะนี้สุกงอมเหมาะสำหรับการรับประทาน สามารถกัดได้ง่าย สัมผัสได้ถึงรสชาติความหวานที่ดี กล้วยมีกลิ่นที่สดใสมากขึ้น แม้ว่ากล้วยในช่วงสีเหลืองจะมีค่าดัชนีน้ำตาลที่สูงกว่า แต่จริงๆแล้วกล้วยในช่วงนี้นั้นย่อยง่ายกว่าเมื่อมีแป้งน้อยลง ระบบย่อยอาหารของคุณจะดูดซึมสารอาหารได้เร็วขึ้น

สีน้ำตาลมีกระ: กล้วยในช่วงนี้จะแก่และหวานมากกว่า เปลืองจะบางลงสามารถแกะออกจากเนื้อได้ง่าย เนื้อมีความนุ่ม หวาน และหอมมาก จุดสีน้ำตาลไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงกล้วยมีอายุมากขึ้น แต่ยังบ่งบอกด้วยว่าแป้งถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลมากขนาดไหน ยิ่งกล้วยมีจุดสีน้ำตาลมากเท่าใด ก็ยิ่งมีน้ำตาลมากขึ้นเท่านั้น คุณยังสามารถมองจุดสีน้ำตาลเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ เนื่องจากกล้วยอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เชื่อมโยงกับการป้องกันมะเร็ง (Tumor Necrosis Factor; TNF) ซึ่งทำหน้าที่ทำลายเนื้องอก ดังนั้นหากคุณคิดว่ากล้วยลายจุดสีน้ำตาลไม่ด้ คุณอาจจะต้องคิดใหม่

สีน้ำตาล-ดำ: คุณยังจำแป้งที่ทนทานต่อการย่อยได้หรือไม่? กล้วยในช่วงนี้น้ำตาลแทบหมด กล้วยเหล่านี้อาจดูเหี่ยวย่นและเละๆ เนื่องจากกล้วยสูญเสียความสมบูรณ์ของโครงสร้างกลายเป็นเนื้ออ่อน เนื้อเริ่มนิ่มและค่อยๆกลายเป็นโปร่งแสงจนเกือบกลายเป็นของเหลว เนื่องจากแป้งถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาล คลอโรฟิลล์มีการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ การสลายตัวของคลอโรฟิลล์เป็นสาเหตุที่เพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระเมื่ออายุของกล้วยเพิ่มขึ้น ดังนั้นกล้วยสีน้ำตาลที่สมบูรณ์จึงเป็นแหล่งผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ กล้วยสีน้ำตาลมีลักษณะที่อ่อนนุ่มและหวานจึงเหมาะสำหรับการบด การใช้กล้วยในช่วงนี้จึงนิยมบดทำขนมที่มีคุณค่าสารอาหารทางโภชนาการและอร่อย ทำขนมปังกล้วยหรือแม้แต่แพนเค้ก

การเลือกรับประทานกล้วยในแต่ละช่วงนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการประโยชน์อะไร หากคุณกำลังมองหาขนมที่มีน้ำตาลน้อยและทำให้คุณอิ่มอย่างรวดเร็ว ให้เลือกกล้วยสีเขียว หากเป้าหมายของคุณคือสารต้านอนุมูลอิสระและย่อยง่าย ให้เลือกกล้วยสีเหลืองหรือน้ำตาลมีจุด สุดท้ายกล้วยสีน้ำตาลเป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่จะตอบสนองสำหรับคนรักความหวาน

น่าเสียดายที่มีการสูญเสียสารอาหารตามอายุของกล้วยที่เปลี่ยนไป การเก็บกล้วยไว้ในตู้เย็นเพื่อป้องกันการสูญเสียสารอาหาร ถึงแม้ว่ากล้วยจะสูญเสียสารอาหารอยู่บ้าง แต่ก็จะสูญเสียสารอาหารในอัตราที่ช้าลง

หลักการที่ควรปฏิบัติ

เมื่อต้องการเก็บกล้วยควรหลีกเลี่ยงเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนที่ผลไม้จะสุก เนื่องจากกล้วยเติบโตในเขตร้อนและไม่ทนต่อความเย็น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมควรเก็บกล้วยไว้ที่อุณหภูมิห้อง หากคุณใส่กล้วยที่ยังไม่สุกในตู้เย็นจะทำให้ความสามารถในการสุกช้าลง

เมื่อกล้วยสุกสามารถนำไปแช่ตู้เย็นได้ แต่โปรดจำไว้ว่ากล้วยจะยังคงเปลี่ยนเป็นสีดำในระยะต่อไป อย่างไรก็ตามจะไม่ส่งผลต่อเนื้อ ซึ่งยังสามารถรับประทานได้

ขอบคุณบทความจาก: 5minutecrafts spoonuniversity